เมนู

[229] ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย เราหากล่าวว่า กิจที่ควรทำด้วยความ
ไม่ประมาทย่อมมีภิกษุทั้งปวง ดังนี้ไม่ อนึ่ง เราหากล่าวว่า กิจที่ควรทำด้วย
ความไม่ประมาท ไม่มีแก่ภิกษุทั้งปวง ดังนี้ไม่ ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ภิกษุเหล่า
ใดเป็นพระอรหันตขีณาสพ อยู่จบพรหมจรรย์ มีกิจที่ควรทำ ทำเสร็จแล้ว
ปลงภาระได้แล้ว มีประโยชน์ตนอันบรรลุแล้ว มีสังโยชน์ในภพสิ้นแล้ว พ้น
วิเศษแล้วเพราะรู้โดยชอบ เราย่อมกล่าวว่า กิจที่ควรทำด้วยความไม่ประมาท
ไม่มีแก่ภิกษุเห็นปานนั้น ข้อนั้นเพราะเหตุไร เพราะภิกษุเหล่านั้นได้ทำกรณียกิจ
เสร็จแล้วด้วยความไม่ประมาท และภิกษุเหล่านั้นเป็นผู้ไม่ควรเพื่อจะประมาท
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ภิกษุเหล่าใดยังเป็นพระเสขะ ยังไม่บรรลุถึงความเต็ม
ปรารถนา ยังไม่ได้บรรลุเป็นพระอรหันตขีณาสพ ยังปรารถนาธรรมเป็นแดน
เกษมจากโยคะ อันไม่มีธรรมอื่นยิ่งไปกว่าอยู่ เราย่อมกล่าวว่า กิจที่ควรทำ
ด้วยความไม่ประมาท ย่อมมีแก่ภิกษุเห็นปานนั้น ข้อนั้นเพราะเหตุไร เพราะเรา
เห็นผลแห่งความไม่ประมาทของภิกษุเหล่านี้เช่นนี้ว่า ไฉนท่านเหล่านี้ เมื่อ
เสพเสนาสนะอันสมควร คบหากัลยาณมิตรทำอินทรีย์ให้เสมออยู่ ทำให้แจ้ง
ซึ่งที่สุดแห่งพรหมจรรย์ อันไม่มีธรรมอื่นยิ่งกว่าที่กุลบุตรทั้งหลาย ผู้ออกจาก
เรือนบวชเป็นบรรพชิตโดยชอบต้องการนั้น ด้วยปัญญาอันยิ่งในปัจจุบันเข้าถึง
อยู่ ดังนี้ จึงกล่าวว่า กิจที่ควรทำด้วยความไม่ประมาท ย่อมมีแก่ภิกษุเห็น
ปานนั้น.

บุคคล 7 จำพวก


[230] ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย บุคคล 7 จำพวกเหล่านี้มีปรากฏอยู่ใน
โลก 7 จำพวกเป็นไฉน คืออุภโตภาควิมุตบุคคล 1 ปัญญาวิมุตบุคคล 1 กาย-
สักขีบุคคล 1 ทิฏฐิปัตตบุคคล 1 สัทธาวิมุตบุคคล 1 ธัมมานุสารีบุคคล 1
สัทธานุสารีบุคคล 1.